หลาย ๆ คนเคยถามว่า “ไปเที่ยวคนเดียวไม่กลัวเหงา กลัวไม่สนุกหรอ”
คำตอบคือ ไม่เหงาเลยครับ แถมสนุกด้วย
สำหรับใครที่กำลังคิดอยากจะลองไปเที่ยวคนเดียวสักครั้ง ลองเถอะครับ มันมีอะไรมากกว่าแค่การไปเดินตามสถานที่ท่องเที่ยวเยอะมาก
และนี่คือการรวบรวมเหล่าเพื่อนและคนต่าง ๆ ที่เจอจากการไปเที่ยวเมื่อปี 2017 ที่ผ่านมา ลองอ่านดูกันครับ แล้วจะรู้ว่า การเที่ยวคนเดียวเอาจริง ๆ แล้ว เราไม่ได้อยู่คนเดียวเลย
– อินโดนีเซีย –
+ สามสาวอินโด = ไปช่วยเขายกจักรยานที่ติดอยู่ในทรายก่อนจะแบกออกจากหาดให้ เลยโดนชวนปั่นจักรยานเล่น ก่อนจะไปจบที่ร้านไอติมของพ่อหนึ่งในสามคนนั้น และนั่งกินไอติมคุยเล่นกันก่อนจะแยกย้าย
+ ฝรั่งเล่นน้ำ = ฝรั่ง ชายสอง หญิงสอง ที่เจอกันตอนนั่งจิบน้ำผลไม้สบาย ๆ อยู่ริมหาดทราย มาขอให้ช่วยเฝ้าของให้หน่อย หลังจากเฝ้าของให้นาน ๆ เกิดเบื่ออยากลงน้ำบ้าง พอทักไป พวกนั้นก็บอก เออช่างหัวของละกัน ปะ ไปดำน้ำกัน ก่อนจะตีน้ำออกไปดำน้ำดูเต่าทะเลแบบตัวเปล่า ๆ ในจุดเกือบจะถึงตรงที่คนอื่นเขาต้องเช่าเรือไปกัน (กลับมาคิดดู น้ำก็ลึก คลื่นก็แรง ตอนนั้นบ้าจี้ออกไปได้ไงวะ)

+ ผู้สาวโหนชิงช้า = ฝรั่งที่ไม่รู้จัก แต่ได้มาโพสท่าโหนชิงช้าเป็นนางแบบจำเป็นกับวิวพระอาทิตย์ตกสุดสวย ได้คุยเล่นด้วยนิด ๆ หน่อย ๆ

ผมชอบภาพนี้มากเพราะเรื่องนี้แหละ


+ ร้านเหล้าท้องถิ่นที่น่ารัก = สายจักรยานมันขาดตอนอยู่คนเดียวท่ามกลางความมืด (มืดมาก มืดแบบไม่เห็นอะไรเลยถ้าไม่เปิดไฟฉาย) ก็เลยแบบจักรยานขึ้นบ่า เดินกลับทางเดินเลาะริมหาดไปเรื่อย ๆ จนมาเจอเพิงร้านเหล้าท้องถิ่นเล็ก ๆ กับคนพื้นที่สามสี่คนตั้งวงเหล้ากัน ก็เลยไปถามเขาว่ามีเครื่องมือซ่อมจักรยานไหม สุดท้ายกลายเป็นว่า คนในนั้นสองคนมานั่งช่วงกันซ่อมจักรยานด้วยกัน แล้วก็เลยซ่อมลามไปยันเกียร์มันที่ตอนแรกใช้ไม่ได้ไปด้วยเลย ปิดท้ายด้วยการนั่งคุยกันเล็กน้อยซื้อเบียร์เขาสองขวด ก่อนจะจากกัน
———————-
– ญี่ปุ่น –
+ สาวTuscany ที่ไม่รู้จัก = เพื่อร่วมกินราเมงตอนดึก นั่งคุยปรับทุกปัญหาชีวิตกันอย่างกับคนที่รู้จักกันมานาน ตั้งแต่เรื่องชีวิตส่วนตัว งาน ความชอบ เหตุการณ์ทุกข์สุขที่เจอ เป็นเวลาตลอดสามคืนที่อยู่ใน Kyoto แล้วปิดท้ายด้วยการไปดื่มส่งท้ายก่อนจะลาจากกันไปแบบสุดท้ายก็ยังไม่รู้จักชื่อของกันและกัน
+ แอนดี้ = ฝรั่งหน้ามึน ๆ จากสาธารณรัฐเช็ก ที่ทำกระเป๋าเสื้อผ้าหายแล้วเที่ยวด้วยเสื้อตัวเดียวเป็นอาทิตย์กว่ามันจะฉลาดพอนึกออกว่า ซื้อเสื้อใหม่สิ เป็นเพื่อนเที่ยวกันตั้งแต่ Kyoto ไปยัน Nikko แบบมึน ๆ เพราะดันไปทางเดียวกัน แถมพักที่เดียวกันต่อด้วย (มีรูปแอบถ่ายมาด้วย แต่ขอไม่ลงแล้วกันนะครับ)
+ หลวงพี่วัดข้างทาง = พระญี่ปุ่นที่คุยกันไม่รู้เรื่องพูดจากันไม่ได้ ไปเจอเขาที่วัดข้างทางหลวงเล็ก ๆ บนถนนในเขา เลยขอเข้าไปพักแก้เหนื่อย (ตอนนั้นมีจักรยานแม่บ้านคันเดียว) เขาก็ต้อนรับดี้ดี แถมพยายามจะชวนคุย (รู้สึกเสียใจที่คุยกับเขาไม่ได้)

หลวงพี่สุดแข็งแกร่ง


+ ยายร้านขนม = ยายแก่ ๆ ในหมู่บ้านเล็ก ๆ (ในเขาอีกแล้ว) ที่เราไปติดอยู่บนนั้นเกือบครึ่งวันเพราะเห็นว่าวิวมันสวยเลยกระโดดลงจากรถบัสไปไล่ถ่ายรูป แล้วหาทางกลับไม่ได้ สุดท้ายเลยไปซื้อน้ำซื้อขนมกินร้านแก เช่นเคย ยายแกก็พยายามจะชวนคุย แต่สุดท้ายก็เป็นการคุยกันด้วยภาษามือผสมวาดรูปไปแทน (ควรหัดภาษาชาตินี้อย่างน้อยแบบงู ๆ ปลา ๆ ได้แล้วเนี่ย)

+ สาวพนักงานโฮสเทล = ผู้หญิงผมยาวประบ่าที่เหมือนจะใส่เสื้อชุดเดิมอยู่ทุกวันที่เจอ (ไม่ซักหรือมีชุดคล้ายกันเยอะก็ไม่รู้) ได้ไปสนิทกันหลังจากที่ไปล้างห้องอาบน้ำให้เขาเป็นการแลกเปลี่ยนกับที่นอนแช่น้ำฟรี หลังจากนั้นก็เลยมีโอกาสได้คุยเล่นกันหลายครั้ง (ดีมากที่เป็นพนักงานโฮสเทลแล้วพูดภาษาอังกฤษได้) ก่อนจะได้ข้าวฟรีอีกหนึ่งมื้อจากการไปช่วยเขาเปลี่ยนผ้าปูที่นอนกับซักผ้า
+ ป้าห้องครัว = เป็นป้าร้านอาหารแห่งหนึ่งที่เดินเข้าไปตอนอยู่ที่ Nikko หลังจากถามป้าแกว่ามีอะไรกินบ้างก็สั่งอาหารมากิน เป็นไก่ผัดผัดซีอิ๊วที่หอมและอร่อยมาก แถมป้าแกพูดภาษาอังกฤษได้ด้วย (เมืองท่องเที่ยวนี่มันดีจริง ๆ) เลยถามไปว่ามันทำยังไง สุดท้ายก็เลยไปได้เข้าครัวกับแกหนึ่งยกจบหลักสูตรทำอาหารมาหนึ่งเมนู
+ นักท่องเที่ยวที่บัตรโดนอายัด = สาวฝรั่งกับเป้ใบหนึ่ง ที่ยืนคุยโทรศัพท์โวยวายเสียงดังกับธนาคาร (น่าจะในประเทศของตัวเอง) ที่สถานี Utsunomiya เรื่องอยู่ ๆ บัตรเครดิตก็ใช้ไม่ได้ และตอนนี้ไม่มีเงินใช้อยู่ญี่ปุ่น (อะไรคือความไม่เตรียมพร้อมเงินสดขนาดนี้) สุดท้ายก็เลยไปช่วยเขาจนขึ้นรถไฟไปด้วยกันได้สำเร็จ แล้วก็เลยได้เพื่อนคุยเพิ่มระหว่างทาง
+ เจ้าของบาร์ในโอซาก้า = ผู้หญิงสองคนเข้าของบาร์เล็ก ๆ (ไม่รู้ว่าเป็นเพื่อนกันหรือเป็นพี่น้อง) ที่บังเอิญไปเจอตอนหิ้วใส้แทบขาดขณะกำลังหลงทางเดินไปมาอยู่ในโอซาก้า ความสามารถภาษาอังกฤษเป็นศูนย์ ภาษาเกือบจะติดลบ แต่ไม่รู้คุยกันยังไง สุดท้ายก็เลยโดนจับเป็นหนูลองยาให้กับเหล้าหรือยาดองก็ไม่รู้ (ผู้หญิงญี่ปุ่นน่ากลัว -.-*) ทำเองของพวกเธอสองคนไปหนึ่งชุด ตอนซัดเข้าไปนี่ถึงกับขนลุกสะท้านไปทั่วร่าง (ต้องปรับสูตรอีกเยอะ)

+ เจ้าของ Cottage บนเขา = เรื่องเกิดจากการที่ต้องเดินเท้าเข้าเมืองผ่านทางหลวงบนเขา (นึกภาพทางขึ้นดอยตอนไปเชียงใหม่เชียงรายบ้านเรา) ตอนประมาณสองทุ่มกว่า ๆ แล้วน่าจะต้องเดินอีกเกือบสองชั่วโมงเพื่อให้ถึงเมือง แล้วก็ไปเจอกับกระท่อมเล็ก ๆ หลังหนึ่งขนาดชั้นเดียว ที่มีเจ้าของเป็นฝรั่งนิสัยน่ารักคนหนึ่งและเปิดเป็นบ้านพักสำหรับนักท่องเที่ยว เราก็เลยเดินลากสังขารไปนอนตายอยู่ในห้องนั่งเล่นเขา ก่อนจะได้โกโก้ร้อนฟรีที่เขาชงมาให้ และเพื่อนคุยเล่นกันอย่างสนุกสนาน ก่อนจะลาจากกัน แล้วก็เริ่มเดินเข้าเมืองต่อ (ตอนนั้นหมดแรงเกินกว่าจะนึกถ่ายรูปมาก ๆ นี่ไปเที่ยวหรือไปเดินแสวงบุญ)
+ คู่สามีภรรยาเที่ยวน้ำตก = ไปเจอกันตอนกำลังเดินไปมาแบบไร้จุดหมาย (ครับเวลาผมไปเที่ยวผมไม่ได้วางแผนว่าจะไปที่ไหน) แล้วเขาก็เข้ามาถามทางว่าจะไปน้ำตกอะไรสักที่ยังไง ไอ้เราก็เลย “ปะ ไปดิ ว่าง เดี๋ยวผมช่วยหางไป แล้เราไปเที่ยวกัน” ก็เลยได้เพื่อนเที่ยวน้ำตกด้วยประการฉะนี้ (สรุปน้ำตกนั้นคือ Kegon falls)

และนี่แหละครับ ประสบการณ์กับผู้คนดี ๆ สนุก ๆ ที่ผมได้เจอจากการไปเที่ยว นี่ยังไม่รวมถึงประสบการณ์มัน ๆ ส่วนตัวอีกนะ (ไว้วันหลังอาจจะมาเล่าให้ฟังกัน)