Joker: หนังของคนขี้แพ้ ที่ตอกย้ำคนขี้แพ้

(แจ้งให้ทราบ – นี่ไม่ใช่การรีวิวหัวข้อนั้นเราจะเก็บไว้เขียนทีหลัง นี่เป็นเพียงการเขียนถึงหนังเรื่องนี้จากความรู้สึกของผู้เขียนเท่านั้น)

*คำเตือน เนื่องจากเป็นการเขียนขึ้นจากความคิดและความรู้สึกของผู้เขียน บทความนี้จะเต็มไปด้วยความ Bias เสียดสี จิกกัด แรง และไม่เกรงใจใครทั้งนั้น รวมถึงจะเต็มไปด้วยถ้อยคำที่อาจจะกำลังว่าผู้อ่านอยู่ แถมยังเขียนวกไปวนมา เพราะเราจะเขียนแบบ First Draft ปล่อยเลย ไม่มาแก้คำแต่งนู่นนี่นั่นโน่นทั้งนั้น โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน

*หากผู้เขียนมีการแทนตัวเองในหลากหลายรูปแบบ กรุณาอย่าสนใจมันเป็นแค่การแสดงความคิดของเราเท่านั้น อย่างที่บอก บทความนี้จะเต็มไปด้วยความ Bias จากแนวคิดของผู้เขียน


เริ่มเลยแล้วกัน ขอตัดบทคนที่จะหาว่าเราโวยวายอะไรก็ไม่รู้ว่า มันเป็นหนังที่ ภาพ สี แสง เสียง การแสดง ดีมากเว้ย ไปดูเถอะจริง ๆ ในส่วนนี้ขอยกนิ้วให้เลย อ่านมาถึงตรงนี้ใครที่อยากเห็นรีวิวหนังก็ปิดได้แล้วนะ ที่เหลือเราจะบ่นแล้ว

คือ Joker น่ะ มันเป็นหนังของไอ้ผู้ชายขี้แพ้คนนึง ที่เป็นโคตรคนขี้แพ้ในสังคมเท่านั้นเอง ถ้าใครที่ดูมาแล้ว หรืออ่านบทความนู่นนี่นั่นของคนอื่นมาแล้วกำลังจะแย้งเราว่า “เฮ้ยก็ในหนังมันบอกว่า Arthur ป่วยไง” (ผมขอเขียนชื่อนี้นะมันพิมพ์ง่ายกว่า) คือในมุมมองของเรานะ ไอ้คำว่าป่วย เป็นโรคทางจิต เป็นโรคบลา ๆๆ มันใช้เป็นข้ออ้างของการเป็นคนขี้แพ้ในสังคมไม่ได้เว้ย เพราะอะไรรู้ไหม

“The world is just is” เพราะไอ้ประโยคง่าย ๆ แค่นี้เลย โลกของเรามันไม่ได้ดีหรอกแต่มันก็ไม่เคยเลวด้วย มันแค่เป็นไปในแบบที่มันจะเป็น มีแต่พวกเรานี่แหละที่ตั้งค่าคำว่า ดี เลว แย่ แฟร์ ไม่ยุติธรรม ขึ้นมากันเอง แล้วประเด็นคือ ไอ้ความเป็นไปของโลกเราเนี่ยมันดันทำให้พวกที่ป่วยเป็นโรคต่าง ๆ อ่อนแอและใช้ชีวิตลำบอกน่ะสิ คือผมไม่ได้บอกว่าการเป็นโรคมันผิดหรือไม่สมควรได้รับความช่วยเหลือนะ ผมแค่จะบอกว่า การทีคุณเป็นโรคอะไรที่ทำให้คุณใช้ชีวิตในสังคมปกติของเราตอนนี้ได้ลำบากขึ้น มันก็หมายความว่าคุณอ่อนแอกว่ามาตรฐานสังคมในตอนนี้นั่นแหละ

ซึ่งตัว Arthur ในหนังเรื่องนี้มันคือคนแบบนั้นเลย คนที่อ่อนแอและขี้แพ้ไปทั้งร่างกายและจิตวิญญาณ ทำอะไรไม่ได้ สู้ใครไม่ได้ ห่วยแตก อ่อนแอ ยอมแพ้ และโหยหาความช่วยเหลือจากคนอื่น ไอ้ความเจ็บปวดขมขื่นในชีวิตมันก็มาจากความอ่อนแอทั้งนั้น ถ้าใครที่อ่านมาถึงตรงนี้แล้วอยากจะเถียงสวนว่า “แต่คนบางคนการจะบอกแค่ว่าให้เขาทำตัวเข้มแข็ง เขาก็ทำกันไม่ได้นะ” เฮ้ยผมเห็นด้วย คืนคนบางคนมันดึงตัวเองขึ้นมาไม่ได้ด้วยตัวเองอยู่แล้ว บางทีเขาก็แค่ต้องการคนอยู่ข้าง ๆ ดูอย่างตัว Arthur ในหนังสิ มันก็อยากจะดึงตัวเองขึ้นมาจะตาย แต่มันดันทำไม่ได้แถมไม่มีใครมาช่วยด้วย มันก็เลยจมดิ่งลงเหวที่ชื่อว่า “ความขี้แพ้” ลงไปเรื่อย ๆ

และนั่นแหละคือเหตุผลที่ทำไมผมถึงบอกว่า Joker คือหนังของคนขี้แพ้ เพราะมันให้คุณรู้สึกดีว่า เฮ้ยโลกเรายังมีไอ้ขึ้แพ้มากกว่าเราอยู่ว่ะ ขี้แพ้จนเราอึดอัดใจที่จะนั่งดูมันเลย มันแย่มาก แย่ แย่ แย่ แย่ แย่ แย่ แย่ มาก

แล้วสุดท้ายหนังมันก็ปล่อย มุขตลก ก้อนใหญ่ออกมาตบหน้าคนดูเกือบทุกคนที่รู้สึกอึดอัดไปกับหนังด้วย Message ก้อนโต ว่า

คุณรู้ไหม การที่คุณอึดอัดไปกับมัน มันเป็นเพราะว่าคุณกำลังเป็นไอ้ขี้แพ้แบบ Arthur ไงล่ะ เพราะคุณกำลังรู้สึก Relate กับมันอยู่ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง เป็นแค่ไอ้ตัวตลกฟันเฟืองในสังคมให้คนที่มีพลังมากกว่าใช้งานเพื่อให้เขามีพลังมากขึ้น

แล้วหนังก็จะฉายต่อไปเรื่อย ๆ ไปสู่จุดพีคของมันบลา บลา บลา คุณก็จะดูมันต่อไป ก่อนที่จะลุกเดินออกมาด้วยความอึดอัดเจ็บแค้นในความขี้แพ้ของคุณเองที่ไม่ได้ต่างไปจาก Arthur เพราะคุณยังต้องกลับไปห่วงค่าบ้าน ค่ายา ค่ารถ เงินเดือนไม่พอใช้ ความสัมพันธ์กับคนรอบตัว แล้วคุณก็จะลืมหนังเรื่องนี้ไปในที่สุด กลับไปใช้ชีวิตของตัวเองที่บางครั้งคุณก็รู้สึกว่ามันแย่มาก ๆ แต่คุณก็ไม่ยอมเปลี่ยนแปลงตัวเองซักที

นั่นแหละ Joker หนังของคนขี้แพ้ ที่จะทำให้คุณเดินออกไปจากโรงจุก ๆ ด้วยความขี้แพ้ของคุณเอง


ส่วนใครที่หลังดูหนังจบแล้วดันมีความคิดอื่น เช่นแทนที่คุณจะอึดอัด คุณกลับอยากสร้างสังคมที่ดีขึ้นไม่ให้เกิดโลกเลว ๆ แบบในหนัง แถมคุณยังดันลงมือทำมันจริง ๆ หลังดูหนังเสร็จไปนานแสนนานด้วย หรือคุณคือคนที่เห็นด้วยว่า Arthur มันก็แค่ตัวตลกจริง ๆ หรือคุณอาจจะเป็นกลุ่มคนที่มีแนวคิดอื่นที่ไม่ใช่การ Relate ของตัวคุณเองกับ Arthur ผมก็ขอยินดีด้วย เพราะคุณคือคนที่รู้ตัวแล้วว่าคุณคือใคร คุณยอมรับในความเลวระยำของตัวเองได้และพร้อมใจที่จะเลว หรือคุณคือคนที่รับรู้ความเลวระยำของโลกใบนี้แล้วพร้อมจะลงมือเปลี่ยนมันให้ดีขึ้น หรือคุณจะเป็นใครคนอื่นที่ผมขี้เกียจพิมพ์ก็ตาม ไม่ว่าคุณจะเป็นใครผมก็ขอยินดีกับชีวิตคุณอีกครั้งด้วยครับ

เพราะคุณไม่ใช่ “ไอ้ขี้แพ้” คุณคือคนที่กุมชีวิตตัวเองอยู่ในมือได้แล้ว และเพิ่งได้รับงานภาพ สี แสง เสียง การแสดง ระดับเทพไปเสพพร้อมกับความบันเทิงสองชั่วโมงในชีวิตคุณ